วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

http://www.englishclub.com/teach-english.htm
www.accreditat.com
INNOVATIVE EDUCATIONAL TECHNOLOGY
IN THE GLOBAL CLASSROOM

BY Deokson Kim

ต้องการสิ่งใหม่ๆ มีความคิดสร้างสรรค์ ต้องตามให้ทันนวัตกรรมใหม่ๆที่มันจะเกิด ครูต้องการมีการใช้เทคโนโลยีได้แก่ การอภิปรายแบบออนไลน์ อัพโหลดไฟล์เสียง หรือทำเป็นบล็อกก็ได้ ถ้าครูทำอย่างนี้ก็จะสามารถตามทัน
ผู้เขียนจะต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาในการเรียนการสอนอยู่เสมอ ครูก็จะสามารถไปเป็นครูที่ดีและทันต่อเทคโนโลยีในปัจจุบันในอนาคตได้ และในอนาคตก็ยังมีแนวคิดใหม่ๆที่กำลังจะเกิด การวิเคราะห์ ที่จะสามารถทำให้ครูมีรูปแบบการสอนใหม่ๆที่หลากหลาย เราจะต้องมีทางเลือกใหม่ๆเพราะว่าครูจะต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีทางการศึกษา


Intergrating Instrucional Technology Into an Assignment
<!--[endif]-->
ครูจะบูรณาการเป็นชิ้นงานของนักเรียน
case study สะสมงาน ครูจะบูรณาการการทำ blog กับ wiki
เพื่อจะกระตุ้นประสบการณ์เรียนรู้ให้ดีกว่าเดิม
เทคนิคที่จะทำให้รู้จักกับแนวคิดใหม่ๆ มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เขาจะได้รับเทคนิคเหล่านั้นในชั้นเรียน project ที่ครูให้นักเรียนทำจะต้องเป็นตัวอย่างที่ไม่กัดเวลา ไม่จำกัดเนื้อหา ให้มันดีขึ้นสำหรับครูและตัวเรียนเอง
เมื่อไรก็ตามที่ครูจะต้องมั่นใจว่าผู้เรียนจะต้องเรียนไดทั้งเทคโนโลยีและเนื้อหา
และเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากที่จะต้องประเมิน
มีเทคโนโลยี 2 ประเภท
ได้แก่
1.เทคโนโลยีที่มีปฏิสัมพันธ์กัน
2.เทคโนโลยีมีการเคลื่อนไหวไม่เปลี่ยนแปลง
มีองค์ประกอบ
1.การศึกษากรณีศึกษาอังกฤษเป็น แฟ้มสะสมงานเป็นผลงานออกมา
2.เรียนรู้แล้วก็สร้าง Postcards
3.ทำให้มันเข้มแข็งขึ้น เช่น WiKi
ตลอดทั้ง คอสที่เรียน จะต้อง Discuss แบบ Online ตลอด
The ELL Case Study

ให้นักเรียนได้พูดคุยกันในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน มีโอกาสที่จะวิเคราะห์ผู้เรียนเพื่อที่จะได้รับประสบการณ์ โดยครูสามารถจะสำรวจ พื้นฐาน ภาษา และวัฒนธรรม ครูจะพยายามจัดสถานการณ์ต่างๆให้สอดคล้องกัน จะช่วยให้สามารถแก้ปัญหากับผู้เรียนได้ ก็จะเป็นศูนย์กลางของข้อมูล ก็จะเข้าไปดูข้อมูลตรงนั้นได้ก็จะมีหลายขั้นตอน ดังนี้
A.เลือกก่อนว่าใครจะมาเป็น Case study ของเรา
-เลือก
-ศึกษาตัวอย่าง
B.เอาข้อมูลที่เราเก็บมาทำ
C.มีการวิเคราะห์ข้อมูลที่หลากหลาย
D.มาคิดว่าสถานการณ์ไหนที่เกี่ยวกัน
-สะท้อนความคิดแล้วเอาออกมา discuss กัน


Blogging

ครูเอา blog มาให้นักเรียนเขียน online jounrnals.เป็นการนำเสนอที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ หรือว่าข่าวต่างๆที่เรารับรู้ เมื่อผู้เรียนสร้าง blog แล้วผู้เรียนก็สามารถสร้าง Link ไปสู่ศูนย์กลางของข้อความก็จะสามารถอัพโหลดได้



Podcasting

เป็นโปรแกรมเสียงพร้อมสำหรับดาวน์โหลดผ่านทางคอมพิวเตอร์หรือMP4 เปิดโอกาสให้ครูได้รับรู้เกี่ยวกับการส่งข้อมูลแบบไหนๆได้ ไม่เพียงแค่ตอบสนองเพียงรายบุคคลเท่านั้น ยังแผ่ข้อมูลให้แก่ผู้ฟังในระดับที่สูงขึ้น จำนวนเท่าไรก็ได้ไม่จำกัด
-พวกเขาสามารถที่จะดาวน์โหลด Podcasting เกี่ยวกับคำศัพท์ใหม่ๆ เข้าไปในตัวการทำPodcasting


Creating a Wiki

สามารถทำWiki ผ่านทาง Blackbord.com จะมีการแนะนำ กลยุทธ์ในการสอน

<!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
Online Discussion

ครูจะสามารถเข้าใจในความซับซ้อนของผู้เรียน พวกเขาจะต้องกระตุ้น โดยการอภิปรายและการแสดงความคิดเห็นก็จะใช้ Link เป็นช่องทางพูดคุยกันแลกเปลี่ยนกัน เราจะสามารถเป็นกลุ่มของเราได้หรือคนอื่นๆดูได้ เป็นหน้าต่างให้ได้สังเกตว่า ครูฝึกสอนมีองค์ความรู้อย่างไร


Implications

ข้อเสนอแนะในการใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอน
จะต้องมีการเคลื่อนไหวที่มีประสิทธิภาพ ครูจะได้พัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาผู้เรียนและประเด็นต่างๆ มีการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ที่มีจุดศูนย์กลางมีการสร้าง web pages และการประยุกต์ใช้ในบริบทการเรียนการสอนของตนเองมีการพึงพอใจในความรู้ที่ได้และเล็งเห็นผลประโยชน์ในอนาคต
ทักษะจะแตกต่างกันออกไป เมื่อพวกเขาได้เรียนแล้วก็จะค่อยๆพัฒนาในขณะที่ทำProject จะต้องให้ความสำคัญของลิขสิทธิ์ ความเป็นส่วนตัวด้วยโดยใช้นามแฝง เกิดขึ้นในห้องเรียนแต่ว่าความรู้จากการทำ case study online โดยการเอาเทคโนโลยีเข้าไป ต้องใช้มันอย่างต่อเนื่อง สอนอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการ

TIP

1.ต้องเสี่ยงกับเทคโนโลยีใหม่ๆ
2.ต้องคุ้นเคยกับเทคโนโลยีก่อนเอามาสอนคุณ
3.ต้องมั่นใจว่าเหมาะกับวัตถุประสงค์และกระบวนทีใช้ให้มันชัดเจนจะต้องสร้างสังคมการเรียนรู้ในทางที่ดี
4.นักเรียนที่เก่งจะต้องช่วยกัน
5.ต้องสืบค้น website ต่างๆในการใช้เทคโนโลยี
<!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
<!--[endif]-->



IT (information technology)

IT (information technology) คือ เป็นคำศัพท์ที่รวมรูปแบบทั้งหมดของเทคโนโลยีที่ใช้สร้าง เก็บ แลกเปลี่ยน และใช้สารสนเทศในรูปแบบหลากหลาย (ข้อมูลทางธุรกิจ สนทนาทางเสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหว การนำเสนอแบบมัลติมีเดีย และรูปแบบอื่นๆ) ศัพท์คำนี้เข้าใจอย่างง่าย หมายถึงเทคโนโลยีโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ในคำเดียวกัน สิ่งนี้เป็นเทคโนโลยีที่กำลังขับเคลื่อนสิ่งที่เรียกว่า "การปฏิวัติสารสนเทศ"
http://www5dow.com/.com
<!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
ICT ( Information Communication Technology )

I : Information............. สารสนเทศ
C : Communication............... การสื่อสาร
T : Technology............................. การประยุกต์ความรู้
ICT หมายถึง เทคโนโลยี หรือกระบวนการต่างๆ ที่ร่วมกันสร้างสารสนเทศ (การรวบรวมข้อมูลที่ต้องการมาจัดเก็บ นำข้อมูลมาประมวลผล หรือวิเคราะห์ให้เป็น สารสนเทศ เรียกข้อมูลและสารสนเทศจากแหล่งอื่นๆ และส่งสารสนเทศ ในลักษณะที่ผู้ใช้ต้องการ ไปให้ผู้ใช้เมื่อต้องการอย่างรวดเร็ว) สนองความต้องการของผู้ใช้ โดยมุ่งให้ผู้ใช้ได้สารสนเทศที่มีคุณภาพดี (คือมีความถูกต้อง เชื่อถือได้ ครบถ้วน สมบูรณ์ ทันสมัย และตรงกับความต้องการ อย่างสะดวก รวดเร็ว ในรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสม) http://noomook-ict.exteen.com/20090801/ict-ict-1

CAI (Computer Assisted Instruction)

คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction) หรือ (CAI)คือสื่อที่ใช้ในการเรียนการสอนอันหนึ่ง CAI คล้ายกับสื่อการสอนอื่น ๆ เช่น วิดีโอช่วยสอน บัตรคำช่วยสอน โปสเตอร์ แต่คอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะดีกว่าตรงที่ตัวสื่อการสอน ซึ่งก็คือคอมพิวเตอร์นั้น สามารถโต้ตอบกับนักเรียนได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับคำสั่งเพื่อมาปฏิบัติ ตอบคำถามหรือไม่เช่นนั้นคอมพิวเตอร์ก็จะเป็นฝ่ายป้อนคำถาม (นัยนา เอกบูรณวัฒน์, 2539)
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI : Computer Assisted Instruction) หมายถึง การประยุกต์นำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการเรียนการสอน โดยมีการพัฒนาโปรแกรมขึ้นเพื่อนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
การเสนอแบบติวเตอร์ (Tutorial)

แบบจำลองสถานการณ์ (Simulations)

แบบการแก้ไขปัญหา (Problem Solving) เป็นต้น
16649.htmlhttp://www.baanmaha.com/community/thread

<!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
CALL ( Computer-assisted language learning)

โปรแกรมช่วยเรียนภาษาโดยเฉพาะ ใช้ได้ทั้งกับการเรียนในห้องเรียน โดยมีผู้สอนเป็นผู้ควบคุมดูแลกระบวนการเรียนและการให้ผู้เรียนเรียนจากโปรแกรมด้วยตนเองที่ศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-access learning center) หรือที่ศูนย์คอมพิวเตอร์และสำหรับสถานศึกษาทีมีความพร้อมก็อาจมอบแผ่นโปรแกรมให้ผู้เรียนนำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์นอกสถานศึกษาโดยผ่านโมเด็มและสายโทรศัพท์

http://piyaman-529.blogspot.com/2011/01/call-computer-assisted-language.html

WBI (  Web - Based Instruction )

การเรียนการสอนผ่านเว็บเป็นการจัดสภาพการเรียนการสอนที่ได้รับการออกแบบอย่างมีระบบ โดยอาศัยคุณสมบัติและทรัพยากรของเวิลด์ไวด์เว็บ มาเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพโดยอาจจัด เป็นการเรียนการสอนทั้งกระบวนการหรือนำมาใช้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการทั้งหมดและช่วยขจัดปัญหาอุปสรรคของการเรียนการสอนทางด้านสถานที่และเวลาอีกด้วย
http://student.nu.ac.th/fon/wbi.htm

CBI ( Computer  Based Instruction )

คำที่ใช้เรียกคอมพิวเตอร์ช่วยสอนซึ่งคล้ายกับ CAI คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หมายถึง การประยุกต์นำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการเรียนการสอน โดยมีการพัฒนาบทเรียน (Courseware) ขึ้นเพื่อเสนอเนื้อหาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในรูปแบบสื่อประสมคือ ข้อความภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว และเสียง การเสนอเนื้อหาดังกล่าวเป็นการเสนอโดยตรงไปยังผู้เรียนผ่านทางจอภาพหรือแป้นพิมพ์ บทเรียนจะถูกจัดเก็บไว้ในแผ่นดิสก์หรือหน่วยความจำของเครื่องพร้อมที่จะเรียกใช้ได้ตลอดเวลา ผู้เรียนจะต้องโต้ตอบหรือตอบคำถามเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยการพิมพ์ การตอบคำถามจะถูกประเมินโดยคอมพิวเตอร์และจะเสนอแนะขั้นตอนหรือระดับในการเรียนขั้นต่อ ๆ ไป กระบวนการเหล่านี้เป็นปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์
http://www.edu.nu.ac.th/supanees/lesson/366515/unit5_p04.html


CMC (Computer Mediated Communication )

ปัจจุบันเทคโนโลยีมีบทบาทต่อการดำรงชีวิตประจำวันตั้งแต่ปัจจัย 4 ซึ่งเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตไม่ว่าจะเป็นอาหาร เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย จนไปถึงสิ่งต่างๆรอบตัวล้วนแล้วแต่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในยุคนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกบทบาทที่สำคัญของเทคโนโลยีต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบันคือบทบาททางการสื่อสาร Computer Mediated Communication (CMC) หรือการสื่อสารโต้ตอบปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับเทคโนโลยี หรือการสื่อสารทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งวิกิพีเดียร์ให้ความหมายว่า เป็นการสื่อสารระหว่างบุคคล โดยผ่านคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองตัวขึ้นไป ผ่าน network หรือผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยเริ่มจากการติดต่อในลักษณะของตัวอักษรเป็นหลักในรูปแบบต่างๆ เช่น Instant Messages, E-mail, Chatroom
http://somzom.wordpress.com/2010/02/25/computer-mediated-communication-cmc-2/


 .....On The  Problem.....

ความจำเป็นของการใช้เทคโนโลยีมัลติมีเดียเพื่อการสอนภาษาอังกฤษ
A.) การปลูกฝังความสนใจของนักเรียนในการเรียน
ในปัจจุบันนี้ใช้วิธีการสอนที่ล้าสมัยและสภาพแวดล้อมที่จำเจ ในขณะที่เทคโนโลยีมัลติมีเดีย มีระบบเสียง, ภาพ, ภาพเคลื่อนไหว ช่วยกระตุ้นความสนใจของนักเรียนทำให้ได้รับข่าวสารที่มากขึ้นและสืบค้นข้อมูลได้เป็นอย่างดี ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียน


B.) ส่งเสริมความสามารถการสื่อสารของนักเรียน
การเรียนการสอนแบบเก่าๆเป็นปกติที่จะทำให้นักเรียนเข้าใจตัวภาษา ยากที่จะบรรลุเป้าหมายในการสื่อสารกับครูที่ให้คำแนะนำกับนักเรียนรูปแบบการ คิดและการสร้างแรงจูงใจอารมณ์ของนักเรียน, เทคโนโลยีมัลติมีเดียได้ช่วยส่งเสริมความต้องการของผู้เรียน บูรณาการการเรียนการสอนและให้นักเรียนเกิดแรงจูงใจมากขึ้น. บทเรียน PPTใน การสอนภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยสามารถเปิดใช้งานการคิดของนักเรียน กิจกรรมในชั้นเรียน เช่น การสนทนากลุ่มอภิปรายเรื่องและการอภิปราย ยังสามารถให้โอกาสในการสื่อสารในหมู่นักเรียนและระหว่างครูกับนักเรียน การเรียนการสอนเทคโนโลยีมัลติมีเดียเพื่อให้มีแรงบันดาลใจในการเรียน ความคิดเชิงบวกของนักเรียนและทักษะการสื่อสารทางสังคม

C.) เพื่อขยายความรู้ของของนักเรียนเพื่อให้เข้าใจลึกซึ้งถึงวัฒนธรรมตะวันตก

บทแผ่นดิสก์ มัลติมีเดียสามารถนำเสนอข้อมูลของนักเรียนได้มากมายมีการครอบคลุมภาษาอังกฤษมัลติมีเดียกว้างไกลกว่าตำราด้วยเนื้อหาและวัสดุมีชีวิตจริงซึ่งมีมากตามธรรมชาติและใกล้กับชีวิต ผู้เรียนสามารถพัฒนาความสามารถในการฟังของพวกเขา และยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตก การรู้ข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆสามารถจัดให้นักเรียนมีความรู้และนำมาเกี่ยว กับข้อมูลร่วมกันในหมู่นักศึกษาและทำให้พวกเขามีส่วนร่วมในการอภิปรายในชั้น เรียนและการสื่อสาร

D.) การปรับปรุงผลการเรียนการสอน

เสริมสร้างการเรียนการสอนมัลติมีเดียการเรียนการสอนเนื้อหาและรูปแบบการแบ่ง "ครูเป็นศูนย์กลาง" การเรียนการสอนและพื้นฐานการปรับปรุงประสิทธิภาพการเรียน มันเป็นเรื่องธรรมดามากที่นักเรียนของพวกเรามีชั้นเรียนภาษาอังกฤษในห้องเรียนขนาดใหญ่มากยังหนาแน่น ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวจึงเป็นเรื่องยากสำหรับนักเรียนที่จะมีการพูดสื่อสารรูปแบบการสอนแบบดั้งเดิม  ส่วนใหญ่เน้นการเรียนการสอนเกี่ยวกับครูและให้ ข้อมูลที่ถูกจำกัดที่ตรงกันข้ามเทคโนโลยีมัลติมีเดียไปเกินเวลาและพื้นที่สร้างขึ้นสดใส, ภาพ, สภาพแวดล้อมที่แท้จริงสำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษจะช่วยกระตุ้นความคิดริเริ่มของนักเรียนและประหยัดเวลาในชั้นเรียน


การวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีมัลติมีเดียเพื่อการสอนภาษาอังกฤษ
A.) ความหมายหลักแทนที่ด้วยการช่วยเหลือแบบหนึ่ง

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมัลติมีเดียเป็นเครื่องมือที่ให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้บรรลุผลการเรียนการสอนที่คาดการณ์ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์มัลติมีเดียใน ระหว่างการเรียนการสอนครูผู้สอนมากเกินไปทำให้ครูไม่มีบทบาทในการสอน ในทางปฏิบัติของครูมีการใช้งานในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมัลติมีเดียเพื่อ ให้พวกเขามีส่วนร่วมมากในการค้นหาข้อมูลและการทำงานออกบทเรียน ในชั้นเรียนที่พวกเขาใช้คอมพิวเตอร์นักเรียนจะสนใจบนหน้าจอของพวกเขาเท่า นั้น ดังนั้นครูและนักเรียนจึงไม่มีสายตาระหว่างกัน ด้วยเหตุนี้ความคิดของการศึกษาความคิดสร้างสรรค์ควรจะเข้าใจอย่างเต็มที่ว่า เทคนิคการศึกษาที่ทันสมัย​​ให้บริการที่ให้ความช่วยเหลือมากกว่าเป้าหมายและ ที่ไม่ควรครองชั้น ด้วยความช่วยเหลือของคอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอนครูควรจะใช้ประโยชน์อย่าง เต็มที่หลักสูตรทางด้านวิชาการและวัสดุการเรียนการสอนที่จะหาวิธีการมากความ รู้ของนักศึกษาของเราได้รับข้อมูลมัลติมีเดียควรจะน้อยลงและนำที่ดีขึ้นโดย เน้นที่โดดเด่นและนวัตกรรมใหม่ในการเรียนการสอน

B.) จะสูญเสียการสื่อสารโดยการพูด

การใช้สื่อมัลติมีเดียมากเกินไปทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์ในชั้นเรียนและส่งผลให้การขาดการสื่อสารระหว่างครูและนักเรียนเสียงของครูจะถูกแทนที่ด้วยเสียงของคอมพิวเตอร์

C.) ทำให้ความสามารถในการคิดลดลง

การคิดและการชื่นชมในความสวยงามของภาษาอาจจะทำให้บรรยากาศของการเรียนเรียกว่า เรียนอย่างมีความสุข มัน ไม่เกิด เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่า มัลติมีเดียจะมีบทบาทที่ดีในการเรียนการสอน แต่จุดประสงค์สำคัญของการเรียนการสอนเน้นให้ผู้เรียนได้คิด ซึ่งคอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์ต่างๆไม่สามารถที่จะแทนที่กระบวนการคิดของผู้เรียนได้

D.) ความคิดนามธรรมจะถูกแทนที่ด้วยความคิด  Imaginal

การสอนแบบดั้งเดิมเมื่อครูต้องการเล่าเรื่องครูจะสอนอะไร มันไม่มีมัลติมีเดียครูต้องอธิบายให้นักเรียนคิดจินตนาการตามไปว่าสิ่งนั้น คืออะไร แต่มัลติมีเดียปัจจุบันการเรียนการสอนง่าย ทุกอย่างเห็นภาพชัดเจน ความสามารถในการอ่านของผู้เรียนก็จะถูกแทนด้วยเสียงจากซีดีหรือจาก คอมพิวเตอร์ การเขียนของผู้เรียนถูกแทนที่ด้วยคีบอร์ดในการพิมพ์ เมื่อไหร่ก็ตามที่ใช้มัลติมีเดียให้สถานการณ์ก็จะเลวร้ายไปกว่าเดิม

มัลติมีเดียเป็นเครื่องมือที่ให้ความช่วยเหลือไม่สามารถแทนที่บทบาทที่โดด เด่นของครูผู้สอนและเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนการสอนที่สมบูรณ์ นอกจากจะไม่เลียนแบบช่างของการเรียนการสอนค่อนข้างจะรวมภาพต้นฉบับเดิม ประสบการณ์ในการสนับสนุนโครงการการเรียนการสอนโปรแกรมอัตโนมัติและต่อเนื่องเพื่อเพิ่มการปรับปรุงโดยรวมของนักเรียน การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน


ข้อเสนอแนะและกลยุทธ์ในการปัญหาที่มีอยู่


A.) ความสวยงามของบทเรียน

เราต้องมีการกระตุ้นให้เกิดมีการสื่อสารระหว่างครูกับนักเรียนและพัฒนาทักษะการ ฟัง พูด ซึ่งคอมพิวเตอร์ไม่สามารถเติมเต็มตรงนั้นได้ เพราะฉะนั้นการแปลหรือฝึกตีความของครูยังจำเป็นในการเรียนการสอน คอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำทุกอย่างได้ครูต้องช่วยอธิบายเติมเติมด้วย นอกจากนี้มัลติมีเดียใช้ได้แต่ใช้เป็นตัวช่วยครูให้มีประสิทธิภาพในการสอน มากยิ่งขึ้น เพราะถ้าไม่นั้นครูก็เป็นเพียงแค่คนกำกับเท่านั้น

B.) หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทดแทนกระดานดำ

หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทดแทนกระดานดำ เพราะกระดานเราสามารถแก้ไขเพิ่มเติมตลอดเวลาได้ ซึ่งการเรียนการสอนเด็กต้องมีคำถามที่ไม่คาดคิดอยู่ตลอดเวลา ถ้าใช้กระดานดำครูสามารถเขียนอธิบายแก้ไขเพิ่มเติมได้เพราะฉะนั้นอย่าใช้ แต่จอคอมพิวเตอร์

C.) PowerPoint ไม่สามารถใช้ในการแยกความคิดและปฏิบัติได้

ปัจจุบัน มัลติมีเดียมากที่สุดส่วนใหญ่มีบทเรียนเกี่ยวกับภาพและภาพเคลื่อนไหวจากสื่อ การสอนก่อให้เกิดผลกระทบให้นักเรียนไม่ได้เกิดการคิด อภิปรายบทเรียนต้องทันสมัยใช้แต่ PPT การตั้งคำถามของครูในการเข้าสู่บทเรียนยังจำเป็นและเป็นการกระตุ้นนักเรียนอีกด้วย

D.) เครื่องมือการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมไม่ควรมองข้าม

มัลติมีเดียให้ความช่วยเหลือในการเรียนการสอนไม่สามารถแทนที่ด้วยเครื่องมืออื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นครูควรจะเลือกสื่อที่เหมาะสมตามความต้องการของการสอนและบูรณาการที่ ใช้ในการมัลติมีเดียที่มีประเพณีอย่างหนึ่งอย่างเต็มที่และดำเนินการทำบุญ ของพวกเขามากกว่าเพียงในการแสวงหาวิธีการที่ทันสมัย

E.) เทคโนโลยีมัลติมีเดียไม่ควรมีมากเกินไป

ไม่ควรใช้สื่อมัลติมีเดียมากเกินไปเพราะถ้าใช้มากเกินเพราะถ้าใช้มากเกินไป จะทำให้เด็กเหมือนจะสนใจแต่ที่จริงแล้วเด็กนั่งดูเฉยๆ และเด็กก็ไม่ได้เกิดการเรียนรู้




สรุปได้ว่า...........

สื่อมัลติมีเดียนั้นใช้ได้เหมือนกันแต่ต้องทำให้มันเป็นแค่ตัวช่วยของครูเท่านั้นส่วนหน้าที่หลักในการจัดการห้องเรียนจะเป็นของครูที่มีชีวิตจริงๆซึ่งจะเป็นการดีกว่า